อีกหนึ่งเรื่องราวสุดหดหู่ใจ จากกรณี การตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐาน พบว่ามีคราบเขม่าดินปืนที่มือของ น.ส.พิมชฎาพร หรือน้องนิ่ม ผู้เสียชีวิต และที่มือของ ร.ต.อ.ทรงกลด สามี ซึ่งขัดกับคำให้การของร.ต.อ.ทรงกลดที่ระบุว่าภรรยานอนอยู่นอกห้อง จากนั้นได้ยินเสียงปืน 1 นัด พอออกไปดูก็พบว่าน.ส.พิมชฎาพร ยิงตัวตาย
แต่จากการตรวจพบเขม่าดินปืนที่มือของร.ต.อ.ทรงกลด แสดงว่าตอนที่เกิดการยิงปืนนั้น ร.ต.อ.ทรงกลดอยู่กับน.ส.พิมชฎาพร ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเกิดการแย่งปืนกันขึ้นแล้วเกิดปืนลั่นโดนน.ส.พิมชฎาพรจนเสียชีวิต ทำให้คราบเขม่าติดที่มือของทั้งคู่
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในเบื้องต้นตำรวจจะต้องแจ้งความกล่าวหา ร.ต.อ.ทรงกลด โดยเฉพาะเรื่องการให้การเท็จ และการปกปิดสาเหตุการตายของน.ส.พิมชฎาพร และต้องสอบสวนให้ชัดว่าเกิดการแย่งปืนกันจนเกิดปืนลั่นจริงหรือไม่
จนท.เตรียมปิดคดีน้องชมพู่ เปิดหลักฐานสำคัญที่สุด รู้ตัวคนร้ายแน่ – ให้ความรู้
ให้ความรู้.com
ล่าสุดนั้นวันนี้ (22/06/2563) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผบช.น. พล.ต.ต. สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ปรก.รองผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ เรียกประชุมชุดสืบสวน
โดยมีพล.ต.ต.ธีรพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 ชุดสืบสวนบก.น.4 และชุดสืบสวนสน.ลาดพร้าว ร่วมประชุมเพื่อคลี่คลายคดีน.ส.พิมชฎาพร อายุ 30 ปี ภรรยา ร.ต.อ.ทรงกลด รองสารวัตรฝ่ายสืบสวนสน.วังทองหลาง ใช้ปืนยิงขมับซ้ายตัวเองจนเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่บ้านพักบ้านย่านแฮปปี้แลนด์สายเก่าเมื่อช่วงสายวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.ธีรพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 พร้อมชุดสืบสวนได้ประชุมความคืบหน้าให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ รับทราบว่า ผลการตรวจเขม่าดินปืนเบื้องต้นนั้นพบว่า มีติดอยู่ที่มือของรองสว.สส.สน.วังทองหลาง และมีติดอยู่ที่บริเวณตัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นไปได้ว่า ทั้ง 2 คนอาจจะเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนดังกล่าวขณะเกิดเหตุ
จากการสอบสวนร.ต.อ.ทรงกลด สามีผู้ตายให้การรับสารภาพแล้วว่า หลังจากมีปากเสียงกันระหว่างที่กลับมาที่บ้าน ภรรยาได้เข้ามาด่าทอ จึงเกิดบันดาลโทสะชักอาวุธปืนขู่ จากนั้นผู้ตายได้มายื้อแย่งกันเป็นเหตุทำให้ปืนลั่นใส่ผู้ตายเสียชีวิต ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้แจ้่งข้อหาร.ต.อ.ทรงกลดในข้อหาฆ่าผู้อื่นฯแล้ว
ขอบคุณ ทีนิวส์