ศิริวัฒน์ จากเศรษฐีพันล้าน ล้มละลาย ฟื้นได้ เพราะแซนด์วิช 30 บ

เป็นเรื่องราวที่ชาวโซเชียลติดตาและต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีจรองๆ สำหรับคนที่ท้อให้ดูใว้ยังไงเรายังมีสองแขนสองขากันอยู่นะ เ มื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ดร.เสรี วงษ์มณฑา เปิดใจสัมภาษณ์ ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ผู้ก่อตั้ง ศิริวัฒน์ แซนด์วิช อดีตเศรษฐีพันล้านที่กลายเป็นคนล้มละลายจากวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่รอดมาได้เพราะขายแซนด์วิช

ภาพจาก รายการเรื่องลับมาก

ตอนนั้นทำธุรกิจอะไรอยู่ แล้วเจ๊งได้ยังไง ?

“ก่อนปี 2540 ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เล่นหุ้น ก็กำไรอยู่พอสมควร ผมเป็นแมงเม่าตัวใหญ่ หลังจากนั้นมีเงินไปสร้างคอนโดข ายที่เขาใหญ่ พอดีวิกฤต 2540 มา หุ้นเจ๊ง คอนโดข ายไม่ได้ กู้เงินตอนนั้นประมาณ 400-500 ล้านทั้งหมด ดอกเบี้ย 17-19 เปอร์เซ็นต์ ในที่สุดก็เจ๊งเพราะดอกเบี้ย”

จากตรงนั้นไม่รู้กี่ร้อยล้านกับแซนด์วิช มันใกล้กันตรงไหน ไปด้วยกันได้ยังไง ?

“ผมข ายแซนด์วิชชิ้นละ 30 บาท คอนโดห้องหนึ่ง 30 ล้าน ต้องข ายล้านชิ้นถึงได้ 30 ล้าน ตอนนั้นหลังพิงฝาแล้ว เป็นหนี้เยอะแยะ ประชุมพนักงาน 40 คน ก็บอกว่าผมเจ๊งแล้วนะ พนักงาน 20 คน ลาออก อีก 20 คน ขอให้ช่วย พ่อแม่สอนตลอดว่ายามทุกข์ ทุกข์ด้วยกัน อย่าทิ้งลูกน้อง ผมเลยหันไปหาภรรย า ทำไงจะเลี้ยงลูกน้อง ภรรย าบอกว่าทำแซนด์วิชขาย ผมยังคิดว่าแซนด์วิชข ายไม่ได้ แต่ที่ขายได้ต้องขอบคุณอาจารย์และสื่อต่าง ๆ ที่ออกมาเป็นข่าว ทำให้ประชาชนสงสารเห็นใจ คนเคยรวยมายืนข้างถนน ขายแซนด์วิชชิ้นละ 30 บาท”

เมียคิดยังไงถึงได้เอาแซนด์วิชขึ้นมา ?

“ปกติทำให้ลูกกินก่อนไปโรงเรียน ผมก็บอกว่าเราต้องทำสดทุกวัน ถ้าข ายไม่หมดเราก็ไม่ต้องเอามาข าย กินกันเอง ประหยัดไปอีกมื้อหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงวันนี้ 23 ปี แซนด์วิชที่ขา ยไม่หมดก็ให้ลูกน้องกินกัน ถ้าลูกน้องกินไม่หมด ก็เอาแช่ตู้เย็นและเอาไปบริจาค ทำมาตลอดครับ”

แซนด์วิชโตจนสามารถกอบกู้ฐานะทางเศรษฐกิจได้ยังไง ?

“จริง ๆ แล้วขายแซนด์วิชไม่สามารถเอากำไรไปคืนหนี้ทั้งหมด ช่วงนั้นผมถูกยึดทรัพย์หมด และถูกฟ้ องเป็นบุคคลล้มละลาย จากการแก้กฎหมายล้มละลายจาก 10 ปี เหลือ 3 ปี พอครบ 3 ปี ก็พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย แต่ขายแซนด์วิชไม่ได้ร่ำรวย เพียงแต่เลี้ยงตัวเองได้ เราได้เป็นเงินสด ไม่ต้องไปกู้ ไม่ต้องไปเสียดอกเบี้ย 17-19 เปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากผมไม่หยุดคิด ไม่หยุดทำ นำพระราชดำรัสในหลวง ร.9 ปรัชญาพอเพียงมาใช้ คือทำพอประมาณนะ ไม่พึ่งคนอื่น พึ่งตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกัน ก็ค่อย ๆ ทำ ไม่ประมาท ผมเจ๊ง ผมล้ม เพราะผมประมาท ผมโลภ ไม่รู้จักพอ”

ทำให้แซนด์วิชโตมาจนมีสาขาได้ยังไง ?

“สาขาจริง ๆ คือคนยืนขายข้างถนน ผมก็ทำด้วย แต่วันนี้อายุ 71 ยืนไม่ไหว อย่างเก่งก็ครึ่งชั่วโมง แต่ก่อน 4-5 ชั่วโมงต่อวัน”

ถ้าจะขายของคุณศิริวัฒน์ ต้องทำยังไง ?

“มาเป็นเด็กแซนด์วิช ยืนคล้องกล่องข้างถนน บนบีทีเอส ผมจบตรีเมืองนอก แต่วันหนึ่งพอเราหลังพิงฝา เราต้องสลัดทิ้งหมด แล้วทำใจมายืนขาย ถ้าผมอายุ 48 ทำได้ วันนี้เด็กหนุ่ม ๆ อายุ 20-30 ซึ่งตอนนี้ตกงานเพราะบริษัทเลิกจ้าง คุณก็ต้องทำได้ ยืนขายครึ่งเช้า ได้เงิน 500 บาท ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย กลับบ้าน เพียงแต่ว่าต้องมีเงินมัดจำ 4,000 บาท แล้วถ้าเลิกข ายเมื่อไหร่ ไม่ได้ทำอะไรให้ผมเสียหาย 4,000 บาท ผมคืน”

ถ้าจะทำขายเองทำไง ?

“ถ้าใครทำไม่เป็นก็ไปซื้อขนมปังมา หรือใครทำขนมปังเองก็ทำเองแล้วเอามาข าย cd 19 ต้องทำอะไรที่ขายได้ทุกวันและเป็นเงินสด แซนด์วิชนี่เป็นคำตอบ อยากบอกว่าทำของกิน เครื่องดื่ม แล้วทำเล็ก ๆ ขึ้นไป อย่าไปหวังอะไรใหญ่โต เล็กไปสู่ใหญ่ อย่าไปคิดการใหญ่ ต้องไปลงทุนโน่นนี่ อย่าครับ วันนี้อย่าไปลงทุนเยอะครับ”

วันนี้แซนด์วิชมีแทบทุกร้านกาแฟ 1 ตึก มีร้านกาแฟ 3-4 ร้าน แซนด์วิชขาดไม่ได้เลย กระทบคุณศิริวัฒน์ไหม ?

“ไม่กระทบครับ ของเรามันเล็กมาก เราไปยืนขายตามจุดต่าง ๆ ถ้าจุดนี้ข ายไม่ดีก็ไปข ายจุดอื่น เราไม่มีการเช่าตึก ถ้าเช่าตึกจะเสียค่าเช่า เราอยู่ตรงนั้นลูกค้ามาหาเรา และอยากฝากว่าเราต้องไปหาลูกค้า ส่วนลูกค้าจะซื้อใครก็อยู่ที่ลูกค้า ทำอย่างไรให้ลูกค้ามาซื้อเรา ต้องสร้างความต่าง ยิ่งภาวะวิกฤตโควิด 19 มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ใครจะทำอะไรต้องคิดต้นทุนค่าใช้จ่ายก่อน อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องยอดขายจะได้เท่าไหร่ กำไรมันมีแน่นอน แต่คิดถึงทุนก่อน อย่าไปคาดหวังมาก เศรษฐกิจแบบนี้อย่าไปคาดหวังอะไรให้มันมาก”

ภาพจากรายการเรื่องลับมาก

วิกฤตต้มยำกุ้งกับวิกฤตโควิด ต่างกันยังไง ?

“ต่างกันมาก ปี 2540 เราเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง เพราะเราโลภ เราไปกู้เงินต่างประเทศเยอะ ตอนนั้นดอกเบี้ยต่างประเทศที่กู้เข้ามาแค่ 5-7 เปอร์เซ็นต์ แต่ในประเทศ 17-19 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มคนที่จะมีปัญญาและเครดิตกู้ดอลลาร์คือเจ้าสัวหรือนายทุนเท่านั้น คนระดับกลางหรือล่างไม่มีสิทธิ์ เจ้าสัว เจ้าของกิจการ เดือดร้อน เพราะพอไปกู้ดอลลาร์สหรัฐมา 1 เหรียญ แลกได้ 26 บาท แต่ 2 กรกฎาคม 2540 มีการลอยตัวค่าเงินบาท จากกรกฎาคม 2540 – มกราคม 2541 เพียงแค่ 7 เดือน จาก 26 บาท ขึ้นเป็น 56 บาท นั่นแหละทำให้พวกเจ้าสัว นายทุน เจ้าของกิจการใหญ่ ๆ ที่มีเครดิตดี เจ๊งหมด คนที่ได้รับผลกระทบคือเจ้าสัว เจ้าของกิจการที่มีเครดิตดี อีกกลุ่มคือธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ไป หนี้เสียเยอะ ปิดสถาบันการเงินตั้ง 56 แห่ง หนี้เสียหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของลูกหนี้ทั้งหมด แบงก์เจ๊งแน่นอน อันนั้นคือเหตุการณ์ 2540”

แต่ Covid ?

“กระทบคนไทยทั้งหมด 67 ล้านคนทั่วประเทศ คนกินเงินเดือน ข้าราชการ คนใช้แรงงาน เกษตรกร โดนหมด ตอนต้มยำกุ้งระดับเจ้าสัวพอไปไม่ได้ก็ปิดกิจการ คนก็เลยตกงานแค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง แต่เที่ยวนี้โควิดมันเป็นโรคระบาด ปี 2540 ที่เราฟื้นมาได้เพราะเงินบาทอ่อนค่า อเมริกา ยุโรป ยังดี เขาก็มาเที่ยวเรา เพราะเงินบาทมันถูก การท่องเที่ยวเราก็เลยโต ปี 2540 ถ้าจำไม่ผิด รายได้จากการท่องเที่ยวเราแค่ 2 แสนล้านบาท

สิ้นปีที่แล้ว 2562 รายได้จากการท่องเที่ยวของเรา 1.9 ล้านล้านบาท แล้วทั่วโลกบอกว่าคนไทยน่ารักอัธย าศัยดี อาหารไทยอร่อย ผลไม้ไทยอร่อย อันนี้ทำให้รายได้การท่องเที่ยวเราโต 10 เท่าตัว ใน 20 กว่าปีที่ผ่านมา โรงแรมเราดี แต่ถูกกว่าเมืองนอกเยอะ แต่พอเกิดโควิด ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวหายไปเลย ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2562 มีประมาณ 40 ล้านคน ปีนี้เหลือ 8 ล้านคน หายไป 80 เปอร์เซ็นต์ รายได้การท่องเที่ยวหายไป 1.6 ล้านล้าน ตรงนี้แหละทำลายเศรษฐกิจเราแบบนี้

ไปดูภูเก็ตวันนี้สิ เหงาเลย ไม่มีนักท่องเที่ยว คนที่ไปทำงานที่ภูเก็ตเพราะรายได้ดี วันนี้ต้องกลับต่างจังหวัดหมด เพราะอยู่ไม่ได้ แล้ววันนี้โควิดยังไม่มีใครรู้เลยว่าจะจบเมื่อไหร่ จำได้ไหม มีนาคม-เมษายน ที่เราโดนโควิด ตอนมกราคม-กุมภาพันธ์ เรายังบอกว่า อู่ฮั่นสู้ ๆ พอมีนาคม-เมษายน อู่ฮั่นก็บอกว่าไทยแลนด์สู้ ๆ ทุกคนมองว่าโควิดอย่างน้อย ๆ จะจบปลายปีนี้ ธันวาคม 2563 นี่เราพฤศจิกายนแล้วยังไม่มีแววเลย ก็เลยทำให้คนไทยเดือดร้อนหมด อีกประการคือโควิดโดนกันทั่วโลก”

แล้วเราควรทำยังไงกันดี ?

“วันนี้ไทยต้องกินของไทย ไทยต้องเที่ยวของไทย อย่าไปหวังว่าต่างประเทศจะมาเพราะเขาไม่มา รัฐบาลก็พยายามให้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่รั ฐบาลก็เริ่มลังเลแล้ว เพราะก่อนหน้านี้มีตัวอย่าง 1-2 เดือน มัลดีฟส์ บาหลี เขาก็พึ่งรายได้จากการท่องเที่ยว เขาก็ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ปรากฏว่าเขาติดcd 19เพิ่มขึ้น เขาก็เลยปิด ณ วันนี้ผมเรียนว่ารั ฐบาลไทยแนวทางถูก แต่ต้องระมัดระวัง ต้องไม่ประมาท มาตรการทุกอย่างต้องเข้มมาก วันนี้คนไทย 67 ล้านคน ยังต้องกิน ต้องใช้ ต้องดื่ม ก็อุดหนุนของคนไทย รัฐบาลที่บอกว่ามีคนละครึ่ง เที่ยวไทย อันนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เพราะรายได้ที่คนไทยเที่ยวกันเอง ตัวเลขคร่าว ๆ คงแสนแสนล้าน ซึ่งก็ไม่ใช่ล้านล้าน”

แล้วจะเอาตัวรอดยังไง ?

“ใครเป็นหนี้ก็ไปคุยกับเจ้าหนี้ พักหนี้ไว้ก่อน เพราะเจ้าหนี้เขาเข้าใจหมด เปิดให้ดูเลยวันนี้ไม่มีรายได้ ซึ่งรั ฐบาลก็ช่วยนะ 6 เดือนที่ผ่านมาแล้วต้องทำมาหากิน อะไรที่เป็นเงินสด ใช้แรงงาน แรงกายตัวเองเข้าไปแลก วันนี้ต้องจมให้ลง อยากฝากผ่านรายการบอกคนไทยว่า 20-30 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเราขาขึ้น ยุคเศรษฐกิจรุ่งเรืองกำลังจะผ่านไป ยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองกำลังจะมา ตอนนี้เราขาลง ตัวทำให้เราแย่หนักคือการท่องเที่ยว เมื่อฝรั่งไม่มา เราคนไทยก็ทำกันเอง กินกันเอง ขายกันเอง ช่วยกันเอง สนับสนุนกัน เดี๋ยวในที่สุดเจอวัคซีนก็ค่อยให้ต่างประเทศเข้ามา คนมีเงินเหลือก็กินของไทย ใช้ของไทย

ตอนนี้หลายอย่างผลิตในเมืองไทย อยากฝากว่าทุกวิกฤตมีโอกาส แล้วอย่ามัวแต่นอนอยู่บ้านแล้วคิด อย่างอมืองอเท้า ออกไปทำแล้วเจอปัญหา แก้ไขปัญหา ถ้านอนอยู่เฉย ๆ จะไม่เจอ เหมือนไปขายแซนด์วิชผมก็อาย ผมก็กลัวนะ แต่มีคนที่เขาสงสารและขออุดหนุนเราสักชิ้น ความอายหายไป 50 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรต่างจังหวัด ถ้าท่านทำสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ที่มีอายุ 1 ปี มีโอทอป 4 ดาวขึ้นไป ท่านทำส่งมาให้ผมขาย เขาคือต้นน้ำ เขาอยู่รอด เราอยู่ปลายน้ำ เราอยู่รอด ในวิกฤตมีโอกาส เราอยู่ในยุคอินเทอร์เน็ต เราสามารถขายของได้”

หลักการคว้าโอกาสแล้วไม่เจ๊ง ?

“ต้องมีมายด์เซตว่าต้องอยู่รอดให้ได้ ฉันตกงาน เมียตกงาน จะทำยังไง เราต้องรอดให้ได้ และต้องจมให้ลง อะไรไม่เคยทำทำซะ แต่ฝากไว้ว่าจะทำอะไรต้องให้เป็นเงินสด เอาแรงงานตัวเองไปรับจ้าง ก็อย่าไปฟังที่บอกว่าอาทิตย์นึงจ่าย วันนี้เอาเงินสด ไม่ต้องอาย วันนี้เอาตัวเองและครอบครัวให้อยู่รอด หลายคนก็ปรึกษาผมว่ามีหนี้จะทำยังไง วันนี้เป็นจังหวะ อย่าไปหนีเจ้าหนี้ ต้องค่อย ๆ แก้ไข ทุกอย่างมันแค่ชั่วคราว”

ถ้าไปเช่าบูธแล้ว แล้วขายไม่ออก เงินค่าเช่าไม่พอ จะแนะนำยังไง ?

“ส่วนใหญ่วันนี้จะเช่าระยะสั้นเป็นรายวัน เพราะคนให้เช่าถ้ารายเดือน ราย 3 เดือน ไม่มีคนเช่า คนทุกข์กว่าคนเช่าคือผู้ให้เช่า ดังนั้น เช่าระยะสั้น ถ้าที่นั่นขายไม่ดีก็ไปขายที่ใหม่ แต่ผมไม่อยากแนะนำให้เช่า อะไรก็ตามให้ทำด้วยตัวเราเอง วันนั้นผมไปขายแซนด์วิชข้างถนน ผมก็คิดจะไปเช่าในห้างเหมือนกัน แต่ค่าเช่า 7 หมื่นบาทต่อเดือน มัดจำ 3 เดือน ไม่มีก็คือไม่มี

เห็นอเมริกาเขายืนขายหมากฝรั่ง ป๊อปคอร์น คล้องคอขาย ทำไมเราไม่เอาตัวอย่างเขา แต่สิ่งที่ทำอย่างนั้นเราก็โดนเทศกิจไล่ สู้กับเทศกิจ จนวันนี้เทศกิจเขายอมรับแล้วว่ากล่องศิริวัฒน์แซนด์วิชไม่วางตั้ง เราแขวนอยู่ที่คอ มายด์เซตที่เราคิดว่าเราเอาตัวเองรอด ครอบครัวรอดก็ทำไป ที่สำคัญคุณจะขายสินค้าอะไรก็แล้วแต่ ซื่อสัตย์กับลูกค้า เมื่อไหร่ที่ผมเอาแซนด์วิชแช่ตู้เย็นแล้วเอามาขายซ้ำ กัดไปจะรู้เลยว่าของค้าง แซนด์วิชผมเมื่อไหร่ ปีไหน รับประกันเลย สด สะอาด อร่อยทุกวัน”